First Western Hospital

โรคขาดสารอาหาร

โรคขาดสารอาหาร เป็นภาวะที่ร่างกายขาดสารอาหารและอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา โดยอาจมีอาการ เช่น อ่อนเพลีย ผิวหนังมีลักษณะผิดปกติ กระดูกหยุดเจริญเติบโต หรือมีภาวะสมองเสื่อม เป็นต้น ซึ่งโรคขาดสารอาหารมักเกิดขึ้นเมื่อร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นไม่เพียงพอ โดยเฉพาะอาหารหลักอย่างโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน หรือแร่ธาตุต่าง ๆ หากผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมทันท่วงที อาจมีอาการร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้

อาการของโรคขาดสารอาหาร

อาการของโรคนี้ขึ้นอยู่กับว่าร่างกายขาดสารอาหารชนิดใด ซึ่งอาการโดยทั่วไปที่อาจสังเกตได้ มีดังนี้

  • น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • ผมร่วง
  • ง่วง อ่อนเพลีย
  • เวียนศีรษะ
  • มีความอยากอาหารที่ผิดปกติ
  • มีปัญหาในการย่อยอาหาร ซึ่งอาจทำให้ท้องผูก
  • รู้สึกเสียวหรือชาที่ข้อต่อ
  • ไม่มีสมาธิ วอกแวกง่าย
  • หดหู่ ซึมเศร้า
  • มีปัญหาด้านการหายใจ
  • ใจสั่น
  • เป็นลมหมดสติ
  • ติดเชื้อหรือเจ็บป่วยง่าย ป่วยแล้วหายช้ากว่าปกติ
  • ผู้ป่วยเด็กอาจเจริญเติบโตช้า หรือมีน้ำหนักตัวต่ำกว่าเกณฑ์

ทั้งนี้ เมื่อเวลาผ่านไป ผู้ป่วยบางรายอาจเคยชินกับอาการของโรคจนไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคนี้ และไม่ได้เข้ารับการตรวจรักษาอย่างเหมาะสม ดังนั้น หากมีอาการดังข้างต้น โดยเฉพาะอาการอ่อนเพลียหรือไม่มีสมาธิจดจ่อกับสิ่งต่าง ๆ เป็นเวลานาน ควรเข้ารับการตรวจร่างกายจากแพทย์ เพราะอาจเป็นสัญญาณของการเจ็บป่วยที่รุนแรงได้

สาเหตุของโรคขาดสารอาหาร

โรคขาดสารอาหารอาจเป็นผลมาจากปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ไม่เต็มที่ หรือได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ดังนี้

ปัจจัยทางสุขภาพ

  • พฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ผิดปกติ เช่น โรคคลั่งผอม เป็นต้น
  • ปัญหาทางจิตใจ โดยอาจเกิดจากภาวะซึมเศร้าหรือโรคจิตเภท ซึ่งอาจส่งผลต่ออารมณ์และทำให้ความอยากอาหารลดลง
  • อาการป่วยที่อาจทำให้ความอยากอาหารลดลง เช่น อาเจียน ท้องเสีย เป็นต้น
  • โรคหรือภาวะที่ส่งผลต่อการดูดซึมและการย่อยอาหารของร่างกาย ทำให้ร่างกายขาดธาตุบางชนิด เช่น โรคมะเร็งลำไส้ โรคเซลิแอค ภาวะจุลินทรีย์ในลำไส้ไม่สมดุล โรคโครห์น หรือโรคลำไส้ใหญ่อักเสบชนิดมีแผล เป็นต้น
  • การตั้งครรภ์ เพราะอาจทำให้ขาดธาตุเหล็ก เนื่องจากร่างกายของหญิงตั้งครรภ์ต้องถ่ายโอนธาตุเหล็กไปเลี้ยงทารกในครรภ์
  • การผ่าตัดลดความอ้วน ซึ่งเป็นการผ่าตัดทำให้ขนาดของกระเพาะอาหารเล็กลง เพื่อให้น้ำหนักตัวลดลง
  • ภาวะสมองเสื่อม ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยลืมรับประทานอาหาร
  • โรคที่ทำให้ความสามารถในการเคลื่อนไหวลดลง ซึ่งทำให้การทำอาหารเองหรือการออกไปซื้ออาหารกลายเป็นเรื่องลำบาก
  • สภาพร่างกาย เช่น มีฟันอยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ หรือใส่เครื่องมือจัดฟันที่ไม่พอดีกับปาก ซึ่งอาจทำให้การรับประทานอาหารเป็นเรื่องยากและอาจทำให้เกิดอาการเจ็บปวด เป็นต้น
  • การใช้ยาบางชนิด ซึ่งอาจมีผลข้างเคียง เช่น ท้องเสีย หรืออาเจียน เป็นต้น จึงทำให้ผู้ป่วยมีความอยากอาหารลดลง หรือรับประทานอาหารได้น้อยลง
  • การดื่มแอลกอฮอล์หรือใช้สารเสพติด

ปัจจัยอื่น ๆ

บางคนหรือบางกลุ่มอาจต้องอดอาหารด้วยเหตุผลบางประการ เช่น

  • มีฐานะยากจน หรืออยู่ในพื้นที่แร้นแค้นขาดแคลนอาหาร
  • อาศัยอยู่เพียงลำพัง หรือปลีกตัวออกจากสังคมภายนอก
  • มีความรู้ในเรื่องการทำอาหารหรือโภชนาการค่อนข้างจำกัด
  • กลุ่มมังสวิรัติ

นอกจากนี้ คนที่มีปัญหาหรือภาวะสุขภาพบางอย่างอาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคขาดสารอาหารได้มากกว่าคนทั่วไป เช่น ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการกลืนอาหาร ผู้ที่ร่างกายต้องการพลังงานมากเป็นพิเศษ ผู้ที่มีแผลบาดเจ็บรุนแรงจากการถูกไฟไหม้ และผู้สูงอายุ เป็นต้น

การวินิจฉัยโรคขาดสารอาหาร

เมื่อไปพบแพทย์ แพทย์อาจซักประวัติผู้ป่วย สอบถามเกี่ยวกับอาการป่วย และประเมินภาวะโภชนาการโดยสอบถามเกี่ยวกับอาหารที่รับประทาน และนิสัยการรับประทานอาหาร นอกจากนี้ แพทย์อาจสอบถามด้วยว่าผู้ป่วยมีอาการท้องผูก ท้องเสีย หรือมีเลือดปนในอุจจาระหรือไม่ จากนั้นอาจให้ตรวจเลือดเพื่อหาความผิดปกติของระดับสารเคมีในเลือด และตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด ซึ่งช่วยตรวจหาภาวะโลหิตจางด้วยเช่นกัน

การรักษาโรคขาดสารอาหาร

การรักษาโรคนี้ขึ้นอยู่กับภาวะสุขภาพของผู้ป่วย สารอาหารที่ร่างกายขาด และความรุนแรงของโรค ซึ่งการรักษาโดยทั่วไปอาจทำได้ด้วยวิธีต่อไปนี้

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร
แพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารว่างระหว่างมื้ออาหาร หรือดื่มเครื่องดื่มที่ให้แคลอรี่จำนวนมากแก่ร่างกาย ซึ่งหากมีอาการรุนแรงแพทย์อาจให้ผู้ป่วยเข้าพบนักโภชนาการด้วย เพื่อวางแผนการรับประทานอาหารให้ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ

การรับประทานอาหารเสริม
ในบางกรณี ผู้ป่วยอาจต้องรับประทานอาหารเสริมร่วมกับวิตามินอื่น ๆ เพิ่มเติม เพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึมอาหารเสริมที่รับประทานเข้าไปก่อนหน้าได้ ซึ่งระยะเวลาและปริมาณในการรับประทานอาหารเสริมขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการป่วย

การให้สารอาหารผ่านทางสายยาง
แพทย์อาจให้ผู้ป่วยรับอาหารทางสายยางเพื่อทดแทนสารอาหารที่ขาดไป โดยวิธีนี้อาจใช้กับผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับการกลืนอาหาร ซึ่งอาจทำได้โดยสอดสายยางผ่านจมูกลงไปยังกระเพาะอาหาร หรือสอดสายยางผ่านผิวหนังบริเวณกระเพาะอาหารเข้าไปยังกระเพาะอาหารโดยตรง นอกจากนี้ อาจให้สารอาหารผ่านทางหลอดเลือดดำได้เช่นกัน

การดูแลพิเศษ
ผู้ป่วยที่มีภาวะขาดสารอาหารจากโรคบางชนิดอาจมีปัญหาในการเคลื่อนไหวร่างกายร่วมด้วย ซึ่งต้องการการดูแลเป็นพิเศษจากแพทย์และผู้เชี่ยวชาญอย่างนักกิจกรรมบำบัด ซึ่งจะชี้ให้เห็นถึงปัญหาในการรับประทานอาหารโดยสังเกตจากกิจวัตรประจำวันของผู้ป่วย โดยผู้เชี่ยวชาญจะคอยแนะนำแนวทางแก้ปัญหาให้ รวมทั้งแนะนำวิธีออกกำลังกายแก่ผู้ป่วย เพื่อช่วยแก้ปัญหาการกลืนอาหาร และสอนให้ผู้ป่วยปรับเปลี่ยนวิธีการรับประทานอาหาร โดยคนใกล้ชิดอาจช่วยซื้ออาหาร ส่งอาหาร หรือทำอาหารให้ผู้ป่วยด้วย

การรักษาอาการหรือโรคต้นเหตุ
หากโรคขาดสารอาหารเกิดจากการเจ็บป่วยใด ๆ แพทย์จะรักษาอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น รวมถึงวางแผนรักษาโรคที่เป็นสาเหตุด้วย

หลังได้รับการรักษา แพทย์อาจตรวจพิเศษเพิ่มเติมให้ผู้ป่วยเป็นระยะ เพื่อดูว่าการรักษาได้ผลหรือไม่ จนกว่าจะแน่ใจว่าผู้ป่วยหายขาดจากโรคขาดสารอาหารแล้ว

ภาวะแทรกซ้อนของโรคขาดสารอาหาร

หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม ผู้ป่วยอาจเกิดความผิดปกติทางร่างกายและจิตใจได้ เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง แผลหายช้า การตอบสนองทางภูมิคุ้มกันบกพร่องและเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคต่าง ๆ คุณภาพชีวิตต่ำ สุขภาพแย่ลงกว่าเดิม มีปัญหาด้านการใช้ชีวิตในสังคม มีสภาพจิตใจไม่ปกติ กระบวนการทางความคิดมีประสิทธิภาพลดลง หรือต้องพึ่งพาผู้อื่นมากขึ้น เป็นต้น ทั้งนี้ ผู้ป่วยอาจมีอาการแทรกซ้อนที่รุนแรงจนทำให้ถึงขั้นเสียชีวิตได้ ดังนั้น หากมีอาการผิดปกติที่เข้าข่ายโรคนี้ ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาอย่างถูกต้อง

การป้องกันโรคขาดสารอาหาร

วิธีที่ดีที่สุดที่สามารถช่วยป้องกันภาวะขาดสารอาหารได้ คือ การรับประทานอาหารให้ได้สัดส่วนและครบถ้วนตามหลักโภชนาการ โดยเน้นอาหารที่มีคุณประโยชน์สูงอย่างผัก ผลไม้ หรือธัญพืชไม่ขัดสี และรับประทานอาหารจำพวกแป้งให้เพียงพอ เช่น ข้าว ขนมปัง มันฝรั่ง เป็นต้น รวมถึงเนื้อสัตว์ เนื้อปลา ไข่ ถั่ว และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมด้วย

Social Media

Most Popular

Related Posts

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save